ตำนานนักเตะไทย ที่ไม่เคยย้ายไปค้าแข้งที่ต่างแดน

ตำนานนักเตะไทย ถ้าไม่นับคนที่เคยเล่นเจลีกอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ก็มี สิทธิโชค ภาโส ที่จะได้กลับมาเล่นอีกครั้งใน เจลีก 3 กับ คาโกชิม่า ยูไนเต็ด ในอนาคตอันใกล้นี้ สามารถเป็นได้มากกว่านั้นมาก ที่ไปญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้สองลีกชั้นนำของเอเชียที่มีโควต้าอาเซียน
โค้ชไทย

ผู้เล่นที่ย้ายไปลีกต่างประเทศย่อมได้รับเงินเดือนที่เหมาะสม เพื่อตอบแทนฝีเท้าที่ทีมต่างชาติต้องการ แต่ก็มีนักเตะระดับตำนานด้วย มีคนไทยมีทักษะสูงมากมาย ใครไม่เคยไปลีกต่างประเทศด้วยเหตุผลหลายประการ? สำหรับบทความนี้เรามาดู นักเตะในตำนานของไทยกัน ที่ไม่เคยย้ายไปเล่นฟุตบอลต่างประเทศมาก่อนในชีวิต

ตำนานนักเตะไทย ไม่เคยย้าย

ตำนานนักเตะไทย สะสมพบเจอแต่สิ่งดีๆสาม พบประเสริฐ อดีตกองกลางระดับตำนานของวงการฟุตบอลไทย ที่ตอนนี้พัฒนามาเป็นเฮดโค้ชฝีปากกล้า ฉายา “มูรินโญ่แห่งประเทศไทย” และนักวิจารณ์ฝีปากกล้าหลายช่อง ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลกองกลางสไตล์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่เก่งทั้งเกมรับและเกมรุกในยุคเมืองไทย และอยู่ในทีม “แบงค์รวงข้าว” ธนาคารกสิกรไทย ทีมในตำนานที่คว้าแชมป์เอเชียในช่วงกลางทศวรรษที่ 90น่าเสียดายที่สามภพประเสริฐไม่เคยมีโอกาสได้เล่นในลีกต่างประเทศเลย อาจเป็นเพราะลีกต่างๆ ในอาเซียนยังไม่ค่อยเติบโตมากนักในช่วงนี้ เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วหลังจากช่วงเวลาสั้นๆ เยาวชนทีมชาติในยุคดรีมทีมก็ถูกส่งไปลีกต่างประเทศ เพราะลีกในอาเซียนเฟื่องฟูพอๆ กับ Accumulation ที่กำลังจางหายไปและแขวนสตั๊ดในที่สุด ในช่วงต้นศตวรรษที่ 21

สมพร ป้อมประเสริฐเสกสรรค์ พิทูรัตน์เขาถือเป็นกองหน้าระดับตำนานของทีมชาติไทย สำหรับ “โรนัลโด้ เจมส์” เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ กองหน้าจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เขาติดทีมชาติไทย ในยุค “ดรีมทีม” พร้อมด้วยดาราชื่อดังมากมาย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธัชตะวัน ศรีปาน, ดุสิต เฉลิมแสน, นิเวศน์ สิริวงศ์ โชคทวี พรมรัตน์, สุรชัย จตุรพัฒน์พงศ์ ฯลฯแต่ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมไทยเดินทางไปเล่นฟุตบอลต่างประเทศในยุคทองของเอสลีกสิงคโปร์ก็ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันแต่เสกสรรค์ ปิตุรัตไม่มีโอกาสย้ายไปลีกต่างประเทศเหมือนคนอื่นๆ เนื่องจากมีสัญญากับสโมสรสินธนาและไม่มีสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลต่างประเทศอีกต่อไป

เขาเป็นกองหน้าที่พาสินธนาคว้าแชมป์ทุกรายการรวมถึงแชมป์ไทยลีก 3 ในปี 2541 และแชมป์เอฟเอคัพในปี 2540 พร้อมทั้งได้แชมป์อีกด้วย นอกจากนี้ รอยัล คัพ ยังได้รับรางวัลในปี 1997 และ 1998 อีกด้วยต่อมา “โรนัลโด้ เจมส์” ลงเล่นกับหลายทีมในไทยลีก ทุกลีกชั้นนำและลีกรอง ได้แก่ บีอีซี เทโรศาสน องค์การโทรศัพท์ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ราชวิถี ตำรวจ และทีมสุดท้ายที่แขวนสตั๊ดคือ นอร์ท บางกอก เอฟซี ก่อนเข้าร่วมการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในภายหลังปัจจุบันเขาเปิดร้านอาหารเฮียเป็งใกล้โชคชัย 4 ซึ่งขายเป็ดย่าง หมูแดง และหมูกรอบ ใครคิดถึงก็แวะมาหาอดีตกองหน้าทีมชาติไทย คุณสามารถทำเช่นนี้ได้

“พลเอก แก้วเล็ก” พล.ต.อำนาจ เฉลิมเชาวลิต อดีตกองหลังตัวกลาง ฉายา “กัปตันแก้วเล็ก” ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งที่สุดและเก่งที่สุดคนหนึ่งในทีมชาติไทย เขาเคยอยู่ในตำแหน่งกองหลังพล.ต.อำนาจ ตอนนี้มีอายุได้ 70 ปีแล้ว เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรราชวิถี ก่อนจะมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมคว้าแชมป์เยาวชนไทย ฤดูกาล 1969/70 เขาเล่นในตำแหน่งนั้น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ก่อนย้ายไป อาร์มี่ คลับในนามของทีมชาติไทย พล.ต.อำนาจ เล่นให้ช้างศึกมากว่า 12 ปี คว้าแชมป์ซีเกมส์ 4 สมัย รวมทั้งคิงส์คัพ 5 สมัยด้วยเกมสุดท้ายของพล.ต.อำนาจ เฉลิมเชาวลิต ทีมชาติไทย คือการเป็นผู้นำทีมในฐานะกัปตันทีมในเกมสุดท้าย ช่วยให้ทีมชาติไทยเอาชนะสิงคโปร์ 2-0 ในการแข่งขันฟุตบอลในซีเกมส์ครั้งที่ 13 เมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยเอาชนะทีมชาติสิงคโปร์ 2-0 เมื่อประมาณ 36 ปีที่แล้ว

แม้ว่าเขาจะมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยยอมแพ้กับกองหน้าตัวเก่งของทีมฝ่ายตรงข้าม พร้อมด้วยลีลาการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยรูปร่างที่เล็กกว่าประเทศอื่น ทำให้ “กัปตันเหล็กกระดูก” คนนี้เล่นในตำแหน่งกองหลังตัวกลางไม่มีโอกาสไปเล่นฟุตบอลต่างประเทศเหมือนเขา นักเตะรุ่นเยาว์ในตำแหน่งกองกลาง หรือตัวรุกชื่อดังในยุคเดียวกันอย่าง วิทยา เลาหกุล, วรวรรณ ชิตวนิช หรือแม้แต่ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ก็ตาม

นี่คือผู้เล่นที่มีชื่อเล่น “มิดฟิลด์ทองคำ” และ “เกล็นน์ ฮอดเดิ้ล แห่งประเทศไทย” เนื่องจากทักษะของพวกเขา บวกกับจิตใจที่เฉียบแหลมในตำแหน่งกองกลาง ที่มีระดับนักเตะในทีมออลสตาร์แห่งเอเชียของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) เมื่อปี 1986 ถือเป็นเครื่องการันตีความสามารถระดับทวีปมีเรื่องราวครั้งหนึ่งในวัย 22 ปี ในเกมที่ทีมชาติไทยลงเล่นนัดกระชับมิตรกับทีมโคเวนทรี ซิตี้ จากอังกฤษ นัดอำลาสนามสิงห์สนามสุภานิวาส ศรีสวัสดิ์ ณ สนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย

หลังจบเกมประธานสโมสรและโค้ชทีม “ช้างกระทืบรอง” ถึงกับยกย่องและให้สัมภาษณ์กับสื่อโดยบอกว่าอยากพาเฉลิมวุฒิ สง่าพล ไปทดสอบฝีมือและเล่นฟุตบอลที่อังกฤษ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า “สมาคมฟุตบอลไทยในช่วงนี้ไม่อนุญาตให้เดินทาง”ซึ่งท้ายที่สุดแล้วทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะ และถึงแม้ในขณะนั้นจะมีทีมชั้นนำในเอเชียหลายทีมที่ต้องการดึง เฉลิมวุฒิ สง่าพล เข้ามาร่วมทีม ทั้งสลังงอร์ จากลีกมาเลเซีย, ไซโก คลับ จากฮ่องกง ลีก, ลัคกี้ โกลด์ สตาร์ คลับ (เอ) เอฟซี โซล) จากเกาหลีใต้ และทีมจากสหรัฐอเมริกา แต่ไม่เคยมีข้อตกลงเกิดขึ้นจริงสักครั้ง

ตำนานนักเตะไทย เฉลิมวุฒิ-สง่าพลนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ กองหน้าทีมชาติไทย ฉายา “สิงห์สนามสุภา” ถือเป็นนักเตะไทยที่เก่งที่สุดคนหนึ่งที่ไม่เคยเล่นในลีกต่างประเทศเลยตลอดอาชีพค้าแข้ง “ลุงต๋อง” เล่นให้กับสโมสรใหญ่เพียง 2 สโมสร ซึ่งทั้งสองสโมสรเป็นสโมสรระดับตำนานของเมืองไทย ได้แก่ ทีม “วังวัว” สโมสรราชวิถี ก่อนจะมาเป็นตำนานสโมสรในประเทศไทยในปัจจุบัน หรือ การท่าเรือ เอฟซีขณะเล่นให้กับทีมชาติไทย นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ได้ผ่านทุกสนามที่เขารับใช้ชาติ ทั้งฟุตบอล รอบชิงชนะเลิศ โอลิมปิกเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, ซีเกมส์ และคิงส์คัพ ก่อนลงเล่นในทีมชาติไทย ปี 2561 เข้าสู่วัยเกษียณ 1979

นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ความจริงนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เกือบไปเล่นฟุตบอลต่างประเทศแล้ว หลังจากที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเมอร์เดก้า คัพ ที่มาเลเซียเมื่อปี 1978 เมื่อ 43 ปีที่แล้ว สิ่งนี้จุดประกายความสนใจจากทีมในลีกมาเลเซียและสิงคโปร์ในการรับสมัครเขาเข้าร่วมทีมแต่สุดท้ายนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ก็ตัดสินใจกลายเป็นตำนานของประชาชน “สิงห์ท้าว” และต่อมาได้รับการว่าจ้างให้เป็นพนักงานของการท่าเรือไทย

 

บทความแนะนำ