จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จอร์แดน ไบรอัน เฮนเดอร์สัน MBE (อังกฤษ: Jordan Brian Henderson; เกิด 17 มิถุนายน พ.ศ. 2533) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเขาเล่นเป็นกองกลางให้กับ AFC Ajax (สโมสรใน Eredivisie) และทีมชาติอังกฤษเฮนเดอร์สันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์ในปี 2551 และย้ายไปสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลในปี 2554 โดยสวมเสื้อหมายเลข 14 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ลิเวอร์พูลได้แต่งตั้งเฮนเดอร์สันเป็นกัปตันทีมลิเวอร์พูล แทนที่สตีเว่น เจอร์ราร์ด อดีตกัปตันทีมที่ย้ายไปแอลเอ กาแล็กซี

ในฐานะนักฟุตบอลให้กับทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ปี 2010 เฮนเดอร์สันลงเล่นมากกว่า 50 เกมและมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนท์สำคัญ 4 รายการ เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลอังกฤษแห่งปีสองครั้งในการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปปี 2012 และ 2016 รวมถึงฟุตบอลโลกปี 2014 คัพและฟุตบอลโลก 2018 ในระดับ U21 และระดับอาวุโส นี่ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกที่ชนะในสองประเภทที่แตกต่างกัน

ประวัติ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ค่าตัว 34 ล้านปอนด์

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ในเกมเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 เฮนเดอร์สันได้ปรากฏตัวในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในขณะที่ลิเวอร์พูลเล่นกับทีมเก่าของเขาที่แอนฟิลด์ ซันเดอร์แลนด์เสมอ 1-1 ในเวลาต่อมาในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554 โดยเฮนเดอร์สันทำประตูที่สองในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะอาร์เซนอล 2-0 ที่เอมิเรตส์สเตเดียม ซึ่งเป็นชัยชนะเหนือโบลตันวันเดอเรอร์ส 3-1

เฮนเดอร์สันเล่นให้กับลิเวอร์พูลในปี 2012เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 เฮนเดอร์สันเล่นในรอบชิงชนะเลิศลีกคัพ เมื่อลิเวอร์พูลเผชิญหน้ากับคาร์ดิฟฟ์ซิตี้ที่สนามเวมบลีย์ เฮนเดอร์สันเป็นผู้นำลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกคัพจากการดวลจุดโทษเป็นครั้งที่แปด คาร์ดิฟฟ์ซิตี้จบเกมด้วยสกอร์รวม 3-2 และเป็นแชมป์แรกของเฮนเดอร์สันนับตั้งแต่ย้ายมาลิเวอร์พูล ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ในเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับเชลซี ที่สนามเวมบลีย์ เฮนเดอร์สันแพ้ 2-1 หลังจากผ่านไป 90 นาที ซึ่งน่าเสียดายที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่มีโอกาสคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อีกต่อไป

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ลิเวอร์พูลเล่นเกมพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายที่แอนฟิลด์ พบกับเชลซีอีกครั้ง เฮนเดอร์สันทำประตูที่สองในพรีเมียร์ลีก เฮนเดอร์สันทำให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-0 ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะแก้แค้นเชลซี 4-1 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล โดยยิงได้ 2 ประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 37 เกม

ฤดูกาล 2555-2556ในเดือนสิงหาคม 2012 เฮนเดอร์สันได้รับโอกาสย้ายไปฟูแล่ม แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจอยู่ลิเวอร์พูลต่อไปเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เฮนเดอร์สันลงเป็นตัวจริงครั้งแรกในเกมที่ลิเวอร์พูลเสมอกับสวอนซีซิตี้ 0–0 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เฮนเดอร์สันยิงประตูแรกในยุโรปให้ลิเวอร์พูลชนะอูดิเนเซ่ 0 -0 ในยูฟ่ายูโรปาลีก ฤดูกาล 2012–13

เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556 เฮนเดอร์สันยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะนอริชซิตี้ 5–0 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เฮนเดอร์สัน แอนเดอร์สันแอสซิสต์ให้หลุยส์ ซัวเรซขึ้นนำ 1-0 ในครึ่งหลัง และทำประตูที่สองในเกมที่ลิเวอร์พูลเสมอ 2-2 ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556 เฮนเดอร์สันทำประตูให้ลิเวอร์พูลชนะ 2-1 ประตูที่สามในพรีเมียร์ลีกกับแอสตัน วิลล่า เฮนเดอร์สันทำประตูสองครั้งให้ลิเวอร์พูลเอาชนะนิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ดที่เซนต์เจมส์พาร์ก และยิงห้าประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 30 เกม

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ในรอบที่สองของลีกคัพ เฮนเดอร์สันทำประตูให้ลิเวอร์พูลเอาชนะน็อตต์สเคาน์ตี้ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ต่อมาเขาช่วยให้ลิเวอร์พูลผ่านเข้ารอบต่อไป เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556 เฮนเดอร์สันลงเล่นนัดที่ 100 ในเกมที่ลิเวอร์พูลเอาชนะซันเดอร์แลนด์ 3-1 ต่อมาในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เฮนเดอร์สันยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกในเกมที่ลิเวอร์พูลชนะท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 5–0 ที่ไวท์ ฮาร์ทเลน[5] [6]

เฮนเดอร์สันเล่นให้กับลิเวอร์พูลในปี 2014เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เฮนเดอร์สันยิงสองประตูให้ลิเวอร์พูลเอาชนะสวอนซีซิตี้ 4–3 ที่แอนฟิลด์เมื่อวันที่ 13 เมษายน ในปี พ.ศ. 2557 เฮนเดอร์สันถูกไล่ออกเป็นครั้งแรกในฟุตบอลอาชีพเมื่อเกมเปิดสนามของลิเวอร์พูลที่แอนฟิลด์พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ 3–2 ซิตี้ต้องทนทุกข์ทรมานส่งผลให้เฮนเดอร์สันถูกแบนเป็นเวลาสามเกม ต่อมาในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เกมสุดท้ายของฤดูกาลเปิดฉากพบกับลิเวอร์พูลและนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ซึ่งเป็นเกมที่จะตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ซิตี้

โดยเฮนเดอร์สันกลับลงสนามอีกครั้งในเกมนี้ลิเวอร์พูลเอาชนะนิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด . และต้องเดินหน้าต่อไป เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก โดย สเตอร์ริดจ์ ยิงประตูชัยให้ลิเวอร์พูล และเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 แต่สุดท้ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็พลาดประตูนี้ โอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก น่าเสียดาย[7] เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เฮนเดอร์สันยิงไป 4 ประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 35 เกม ช่วยให้ลิเวอร์พูลขึ้นอันดับสอง และให้ลิเวอร์พูลได้เล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอีกครั้งนับตั้งแต่ปี 2009

 

บทความแนะนำ