สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลเมืองทองยูไนเต็ดเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพไทย ตั้งอยู่ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2532 ในนามทีมงานโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์ ปัจจุบันมีส่วนร่วมในไทยลีกเมืองทองเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศไทย พวกเขาคว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันในสามปี ได้แก่ ดิวิชั่น 2 ในปี พ.ศ. 2550 ดิวิชั่น 1 ในปี พ.ศ. 2551 และไทยพรีเมียร์ลีกในปี พ.ศ. 2552 สโมสรคว้าแชมป์ไทยลีกรวมสี่ครั้งและคว้าแชมป์ลีกคัพสองครั้ง ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของสโมสร คือฤดูกาล 2012 ที่เขาคว้าแชมป์ลีกแบบไร้พ่าย และฤดูกาล 2016 ที่เขาลงเล่นให้ทีมชาติไทยเป็นประจำ และชนะเกมลีก 14 เกมติดต่อกันคว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งที่สี่ ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2017 สโมสรชนะเกมเหย้าทั้งสามเกมในรอบแบ่งกลุ่ม จนสามารถเข้าสู่รอบ 16
ทีมรายการเอเชียได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร สโมสรไม่เคยตกชั้นนับตั้งแต่ได้รับการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในปี 2551[2] เป็นสโมสรฟุตบอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่แฟนฟุตบอลชาวไทยในปี พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2560[3][4]สีหลักของสโมสรคือสีแดง สนามเหย้าของพวกเขาคือธันเดอร์โดมสเตเดี้ยม จุผู้ชมได้ 15,000 คน เปิดทำการในปี พ.ศ. 2541 และก่อสร้างต่อระหว่างปี พ.ศ. 2552 ถึง พ.ศ. 2553 มีสโมสรคู่แข่งหลายสโมสรในเมืองทอง ได้แก่ ชลบุรี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และการท่าเรือ
ประวัติ สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด ช่วงก่อตั้งตอนต้นสโมสรก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยชื่อแรกจดทะเบียนกับสมาคมฟุตบอลไทย “ทีมฟุตบอลโรงเรียนหนองจอกพิทยานุสรณ์” ในพระบรมราชูปถัมภ์ สโมสรก่อตั้งโดย วรวีร์ มะกุดี ซึ่งต่อมาได้เป็นนายกสมาคมฟุตบอลไทยและรองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ในวงการฟุตบอล สโมสรต่างๆ จะแข่งขันกันเพื่อชิงโคปา เดล เรย์ในประเภท D ซึ่งเป็นถ้วยรางวัลที่เล็กที่สุด ในฤดูกาล พ.ศ. 2546 ไทยลีก ดิวิชั่น 1 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สโมสรฟุตบอลไข่มุกดำหนองจอก” ซึ่งบริหารงานโดยอดีตนักการเมือง วีระ มุสิกพงศ์ แต่ทีมอยู่ได้เพียงฤดูกาลเดียวและไม่ประสบความสำเร็จ และออกจากทีม สโมสรยังคงอยู่ในดิวิชั่น 1 ฤดูกาลต่อมา ไทยลีก ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนชื่อทีมอีกครั้งเป็น สโมสรฟุตบอลโกลบเล็กซ์หนองจอก ตามกลุ่มที่บริหารสโมสร โดยมี สมศักดิ์ เซ็นเจ้ายูนิ คนใหม่ ทีมเป็นผู้จัดการ ปีนี้ทีมทำผลงานได้ไม่ดีนัก ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องตกชั้นเพื่อที่จะได้เล่นในรอยัลคัพ ประเภทดี ในฤดูกาล พ.ศ. 2548 และกลับคืนสู่ชื่อเดิม แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร [5]
คิริน 3 ปี 3 ปรมาจารย์ในปี พ.ศ. 2549 สมาคมฟุตบอลต้องการยกระดับการแข่งขันลีกในประเทศไทยจึงได้ก่อตั้งไทยลีกดิวิชั่น 2 (ไทยลีก 4) โดยการรวมทีมรอยัลคัพประเภท B และทีมรอยัลคัพประเภท C เข้ามาแข่งขันในระบบหนองจอก สโมสรฟุตบอลโรงเรียนพิทยานุสรณ์ได้รับสิทธิการแข่งขันในปี พ.ศ. 2550 จากบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์สยามสปอร์ตเดลี่ และสตาร์ซอคเกอร์เดลี่ ภายใต้การนำของ รวิ หล่อทอง ประธานสยามสปอร์ตซินดิเคทในขณะนั้น สโมสรได้เข้ามารับช่วงต่อและเปลี่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด และย้ายสนามไปที่เมืองทองธานี เรียกว่า สนามกีฬาธันเดอร์โดม ความสำเร็จครั้งแรกของสโมสรคือการคว้าแชมป์ไทยลีกดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล พ.ศ. 2550 จากนั้นทีมก็ได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 จึงเป็นเหตุให้ทุกคนชื่นชมทีม ใน 3 ปี หมายถึง “3 ปี 3 แชมป์”
สโมสรได้รับการเลื่อนชั้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีกในปี พ.ศ. 2552 หลังจากคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล พ.ศ. 2552 สโมสรมีผู้เล่นใหม่และเป็นที่ยอมรับมากมายในประเทศ แม้จะเริ่มต้นฤดูกาลได้ดี แต่ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 พวกเขาได้แต่งตั้งอรรถพล บุษปคม เป็นหัวหน้าโค้ชคนใหม่ แทนที่สุรศักดิ์ ตั้งสุรัตน์ ซึ่งพาทีมคว้าชัยชนะในดิวิชั่น 1 ในช่วงกลางฤดูกาล ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนคาดหวัง สโมสรอยู่ใน 5 อันดับแรกของตาราง และเล่นเพื่อคว้าแชมป์ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สโมสรประสบความสำเร็จคือความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสโมสร Leerse S.G.A. จากเบลเยียม และการซื้อตัวนักเตะดาวรุ่งชาวไทย ธีรเทพ วิโนทัย และ รณชัย รังสิโย จากสโมสร พร้อมด้วย ธีรศิลป์ แดงดา จากราชประชา ปัจจุบันสโมสรมีกองหน้าที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในประเทศ [7] [8]
สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด แล้วเขาก็ได้แชมป์ ถ้วยพระราชทาน ประเภท A (ปัจจุบันคือ ไทยแลนด์แชมเปี้ยนส์คัพ) ซึ่งการท่าเรือไทย ชนะ 2-0 ส่วนถ้วยอื่นๆ เช่น เอเอฟซี คัพ และไทยคม เอฟเอ คัพ มาเป็นที่สองในฤดูกาล 2554 สโมสรฟุตบอลเมืองทองหนองจอกยูไนเต็ดป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน ครั้งนี้ทีมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นแชมป์เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน แต่การเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี คัพ ทำให้นักเตะเกิดความเหนื่อยล้า [9] รวมถึงการเปลี่ยนโค้ชคนใหม่จาก เรอเน่ เดอไซเลอร์ ชาวเบลเยี่ยม เป็น คาร์ลอส โรแบร์โต้ จี. คาร์วัลโญ่ สโมสรฟุตบอลเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ซึ่งในอดีต ฤดูกาลชนะและป้องกันแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2009 พวกเขาทำผลงานได้ดีตลอดทั้งฤดูกาลและคว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก 2010 เป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยชนะ 2 นัด
มีสถิติเทียบเท่ากับบีอีซี เทโรศาสน, ธนาคารกรุงไทย และกองทัพอากาศ (หรือกองทัพอากาศ) . ก่อนเริ่มฤดูกาล คาร์ลอส โรแบร์โต จี. คาร์วัลโญ่ ชาวบราซิล และเฮนริเก้ คาลลิสโต ชาวโปรตุเกส เซ็นสัญญาในช่วงเลกที่สองของฤดูกาลเพื่อเซ็นสัญญากับร็อบบี ฟาวเลอร์ กองหน้าระดับตำนานของลิเวอร์พูล ต่อมาในเดือนกันยายน คาลลิสโตซึ่งตกรอบทีมจากเอเอฟซีคัพ ถูกสโมสรไล่ออก และร็อบบี ฟาวเลอร์เข้ารับตำแหน่งผู้เล่น-ผู้จัดการทีม (ในฐานะที่เป็นทั้งผู้จัดการทีมและนักเตะ) โดยคุมทีมเป็นครั้งแรกหลังจากในเกมกับเอสซีจี สมุทรสงคราม ไม่นานนัก เมื่อเมืองทองยูไนเต็ดจบอันดับ 3 ในฤดูกาลนี้ ฟาวเลอร์จึงขอลาออกจากตำแหน่ง[11]
บทความแนะนำ