แพงจัดทุกตำแหน่ง รวม นักแข่งค่าตัวโหด ที่สุดในโลก

นักแข่งค่าตัวโหด และถึงแม้ว่าเนย์มาร์ยังคงเป็นนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกเมื่อเขาย้ายจากบาร์เซโลนาไปปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่ฮิลาลสตาร์คนใหม่ของอัลก็เสี่ยงที่จะเสียตำแหน่งในช่วงซัมเมอร์นี้หากคิลิยัน เอ็มบัปเป้ตัดสินใจย้ายจากเปแอสเชไปย้ายไปซาอุดีอาระเบียไป สร้างนักขุดทองคนแรกอย่างไรก็ตาม เรามาดูกันว่านักฟุตบอลที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกปัจจุบันอยู่ที่ใด มาดูชื่อของพวกเขากันดีกว่า

นักแข่งค่าตัวโหด เกปา อาร์ริซาบาลาก้า

ผู้รักษาประตู : เกปา อาร์ริซาบาลาก้า – 71.6 ล้านปอนด์

นายทวารสแปนิชมีค่าตัวแพงที่สุดในโลกหลังจาก เชลซี นักแข่งค่าตัวโหด ทุ่มทุนสร้างคว้าเขามาจาก แอธเลติก บิลเบา ด้วยเม็ดเงินก้อนโต 71.6 ล้านปอนด์ แต่ล่าสุดเจ้าตัวระเห็จออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นการชั่วคราวแล้วหลังถูก เรอัล มาดริด ยืมไปเฝ้าเสาแทน ติโบ กูร์กตัวส์ ที่เจ็บยาว แถมเขาหวังย้ายไปร่วมทีม ราชันชุดขาว อย่างถาวรซะด้วยหลังหมดสัญญาเช่ายืม

แบ็คซ้าย : ยอสโก้ กวาร์ดิโอล – 77 ล้านปอนด์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจทุ่มเงินมหาศาลเพื่อดึง กวาร์ดิโอล มาร่วมทีมเมื่อต้นเดือนนี้ เพื่อเสริมแนวรับของพวกเขา แม้ว่าปัจจุบันกองหลังทีมชาติโครเอเชียจะเล่นเป็นกองหลังตัวกลางให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก อดีตสโมสรบุนเดสลีกา แต่เขาก็สามารถทำมันได้เช่นกัน เล่นเป็นแบ็กซ้ายขณะที่เดอะบลูส์ใช้เขาในตำแหน่งนั้น

เซนเตอร์ฮาล์ฟ : แฮร์รี่ แม็คไกวร์ – 80 ล้านปอนด์

เขาทำเหมือนเขาจากไปหลังจากปฏิเสธที่จะเล่นที่เวสต์แฮม แม้จะตกลงค่าธรรมเนียมการโอน 30 ล้านปอนด์สำหรับกองหลังทีมชาติอังกฤษรายนี้ก็ตาม Guardiol จึงประกาศว่าเขาจะย้ายไปแมนเชสเตอร์ การโอนย้ายเมืองมูลค่า 77 ล้านปอนด์ อดีตนายพลเลสเตอร์ที่มาถึงโรงละครแห่งความฝันในปี 2562 ยังคงรักษาตำแหน่งของเขาในฐานะกองหลังที่แพงที่สุดในโลก

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค – 75 ล้านปอนด์

ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมกับลิเวอร์พูล หลังจากเซ็นสัญญากับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคม 2018 หงส์แดงก็ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ รวมถึงพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และแชมเปียนส์ลีก

แบ็คขวา : อชราฟ ฮาคิมี่ – 51.3 ล้านปอนด์ (อาจสูงถึง 60 ล้านปอนด์)

ผู้เล่นอีกคนที่ชี้ให้เห็นว่ากองหลังมีคุณค่าพอๆ กับกองหน้ารองจากปารีส แซงต์-แชร์กแมงจ่ายเงินให้อินเตอร์ มิลาน 51.3 ล้านปอนด์เพื่อเซ็นสัญญากับทีมชาติโมร็อกโกในปี 2564 โดยมูลค่าอาจเพิ่มขึ้นเป็น 60 ล้านปอนด์ภายใต้เงื่อนไขของสัญญา

กองกลาง : เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – 106.8 ล้านปอนด์

เป็นการใช้เงินแบบไม่กลัวล่มจมอีกดีลสำหรับ ท็อดด์ โบลีห์  เจ้าของทีม เชลซี ซึ่งควักกระเป๋า 106.8 ล้านปอนด์เมื่อเดือนม.ค. ดึงดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า ชุดคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก มาเสริมทัพแม้จะว่าไปแล้วเขายังตอบแทน สิงห์บลูส์ ไม่ได้เลยก็ตาม

กองกลาง : มอยเซส ไกเซโด้ – 100 ล้านปอนด์ (ทะลุถึงหลัก 115 ล้านปอนด์ได้)

เพิ่งย้ายมาร่วมทีม เชลซี หมาดๆ และกลายเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในลีกอิงลิชแทนที่ เฟร์นานเดซ เพื่อนร่วมสังกัดจากค่าแอดออน 15 ล้านปอนด์ แต่ประเดิมสนามได้แย่ และต้องจับตาดูว่าจะเป็นอีกดีลที่ สิงห์บลูส์ จ่ายแพงเกินกว่าเหตุหรือไม่

 

กองกลาง : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ – 132 ล้านปอนด์

กลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่ล้มเหลวที่สุดไปซะแล้วเนื่องจาก บาร์เซโลน่า แทบไม่ได้รับประโยชน์จากดาวเตะแซมบ้าเลยนับตั้งแต่ซื้อเขามาจาก ลิเวอร์พูล ในเดือนม.ค.2018 ด้วยค่าตัวขั้นต้น 105 ล้านปอนด์ซึ่งสุดท้ายแล้วขยับขึ้นเป็น 132 ล้านปอนด์โดยสตาร์วัย 31 ปีนรับใช้ทีมดังแห่งกาตาลันสี่ปีครึ่ง แต่ถูกปล่อยให้ บาเยิร์น และ แอสตัน วิลล่า ยืมตัวรวม 18 เดือนจนในที่สุดเขาก็เซ็นสัญญากับ สิงห์ผงาด ในราคาเพียง 17 ล้านปอนด์เมื่อเดือนพ.ค.2022

ปีกซ้าย : เนย์มาร์ – 198 ล้านปอนด์

เนย์มาร์ ย้ายมาค้าแข้งกับ เปแอสเช ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลก 198 ล้านปอนด์เมื่อปี 2017 หลังรับใช้ บาร์ซ่า นานสี่ปี แต่ไม่อาจพาเศรษฐีเมืองน้ำหอมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างที่พวกเขาใฝ่ฝันได้ กระทั่งในที่สุดดาวเตะทีมชาติ บราซิล ย้ายไปร่วมทีม อัล ฮิลาล ในลีก ซาอุดิ อาระเบีย แล้วภายใต้ค่าตัว 86 ล้านปอนด์

ปีกขวา : อุสมาน เด็มเบเล่ – 120 ล้านปอนด์

หลังร่ายฝีเกือกกับ ดอร์ทมุนด์ ได้แค่ซีซั่นเดียว เด็มเบเล่ ก็สร้างชื่อได้อย่างยอดเยี่ยมจนถูก บาร์ซ่า หิ้วมาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ด้วยค่าตัวขั้นต้น 96 ล้านปอนด์โดยสตาร์ทีมชาติ ฝรั่งเศส ได้ลงบู๊มากพอจนทำให้ค่าตัวของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านปอนด์ก่อนที่เจ้าตัวจะหวนคืนบ้านเกิดเป็นสมาชิกใหม่ของ เปแอสเช เมื่อไม่นานมานี้

กองหน้า : คิลิยัน เอ็มบัปเป้ – 163 ล้านปอนด์

หลังจาก เปแอสเช คว้า นักแข่งค่าตัวโหด เนย์มาร์ มาร่วมทีม พวกเขาก็ดึง เอ็มบัปเป้ มาเสริมทัพอีกรายในตลาดเดียวกันโดยเป็นการยืมดาวยิงทีมชาติ ฝรั่งเศส มาจาก โมนาโก ก่อนแล้วซื้อขาดเขาในปีต่อมาด้วยค่าตัว 163 ล้านปอนด์ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเนื่องจากหัวหอกเลือดน้ำหอมกระทุ้งประตูได้ 212 เม็ดจากการลงสนาม 260 นัด

 

บทความแนะนำ